การ ผสมพันธุ์ไก่
การผสมพันธุ์ไก่ เพื่อผลิตลูก มี 2 วิธี คือ
วิธีธรรมชาติและวิธีผสมเทียม การผสมแบบธรรมชาติเป็นการผสมฝูง พ่อ 1 ตัว ผสมกับแม่ 10 - 11 ตัว การผสมฝูงเล็ก
ดีที่สุด คือ ฝูงละ 11 ตัว มีพ่อ 1 ตัว แม่ 10 ตัว แต่ไก่สามสายสามารถผสมฝูงใหญ่ได้ฝูงละ มากว่า 1,000 ตัว ไก่ 3 สาย
สามารถผสมกับพ่อพันธุ์พื้นเมืองทำเป็นลูกผสม 4 สายได้ หรือผสมกันเองได้ระหว่างพ่อแม่ 3 สายพันธุ์เดียวกัน เพื่อทดแทน
พันธุ์ในปีต่อไปก็ได้
การ ผสมเทียมใช้เฉพาะงานวิจัย เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ คือ เราต้องการรู้พันธุ์ประวัติของไก่แต่ละตัวว่าไก่ตัวนั้น ๆ เกิดจาก
การผสมของพ่อตัวใด และแม่ตัวใหน ซึ่งการผสมเทียมสามารถให้คำตอบนี้ได้แต่แม่ไก่จะต้องเลี้ยงอยู่ในกรงตับขัง เดี่ยว เวลา
ไข่ออกมาก็ใช้ดินสอเขียนชื่อแม่และพ่อลงบนเปลือกไข่ การผสมเทียมพ่อ 1 ตัว สามารถผสมกับตัวเมียได้ 30-50 ตัว ผสม
สัปดาห์ละ 2 ครั้งก็พอ การผสมครั้งหนึ่ง ๆ น้ำเชื้อสามารถอยู่ในท่อนำไข่ของตัวเมีย 10-15 วัน วิธีผสมเทียมทางปฏิบัติมี 2
ขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นตอนการรีดน้ำเชื้อตัวผู้ การรีดน้ำเชื้อจากไก่พ่อพันธุ์ต้องใช้คน 2 คน คือ คนอุ้มไก่ตัวผู้กระชับไว้ที่เอวยื่นห่างไก่ออก
ข้างหน้าหัวไก่อยู่ด้านหลังของคนอุ้ม การอุ้มไก่มีเทคนิก คือ จะต้องจับไก่กระชับไว้ที่เอวด้านขวามือ ให้ไก่อยู่ระหว่างเอวกับ
แขนขวา กดไก่ไว้ไม่ให้ไก่รู้สึกว่าโครงเครง หรือโยกไปโยกมา ขณะที่อีกคนหนึ่งทำการรีดน้ำเชื้อไก่ การอุ้มไก่ที่ถูกต้องนั้นมือ
ขวาจะจับขาไก่ทั้ง 2 ข้าง รวบเข้าหากัน โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางอยู่ระหว่างขาทั้งสองป้องกันเวลารวบขาไก่เข้าหากัน ไก่จะเจ็บ
ขาจุดที่จับขาไก่อยู่ระหว่างหัวเข่าข้อต่อระหว่างแข้งกับโคนขาส่วน มือซ้ายของผู้อุ้มไก่จะจับอยู่ที่ใต้ท้องและปีกกระชับเข้าหากัน
ช่วยไม่ให้ไก่โยกโครงเครง
คนรีดน้ำเชื้อในมือขวาถือกรวยรองน้ำเชื้อ หรือไม่ก็เป็นแก้วน้ำขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว อาจจะเป็นพลาสติกแทนแก้วก็ได้ ข้อสำคัญ คือ ภาชนะต้องสะอาดล้างด้วยน้ำกลั่น หรือน้ำเกลือที่เตรียมไว้สำหรับเจือจางน้ำเชื้อไก่ถึงเวลารีดน้ำเชื้อ คนรีดใช้มือซ้ายลูบหลังพ่อไก่เบา ๆ จากโคนปีกผ่านมาที่หลังและโคนหางพอถึงโคนหางใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ กระตุ้นอย่างรวดเร็วที่โคนหาง ไก่จะมีความรู้สึกเสียวและแสดงปฏิกิริยากระดกหางขึ้นพร้อมๆ กับดันอวัยวะเพศรูปร่างเป็นลอนรูปปลายแหลมยื่อออกมาจากรูทวารให้เห็นอวัยวะ ดังกล่าว เป็นที่เก็บน้ำเชื้อและฉีดน้ำเชื้อในเวลาผสมพันธุ์ ซึ่งอยู่เหนือรูที่ไก่ใช้ถ่ายมูล อวัยวะเพศคู่นี้เวลาปกติจะหดตัวเก็บไว้ภายในมองไม่เห็น เวลารีดน้ำเชื้อมีเทคนิกสำคัญคือ ความเร็วระหว่างที่บีบกระตุ้นโคนหางให้หางไก่กระดกชี้ขึ้น กับการเปลี่ยนมือมาบีบโคนอวัยวะเพศที่กล่าวข้างบน ถ้าทำได้เร็วก็จะทำให้รีดน้ำเชื้อได้มาก ในด้านปฏิบัติจริงแล้วพอกระตุ้นโคนหางด้วยนิ้วมือซ้ายแล้วไก่จะกระดกหางขึ้น ผู้รีดต้องเอามือซ้ายมาเปิดก้นไก่โดยใช้ฝ่ามือซ้ายลูบจากบริเวณใต้ทวารดัน ปาดขึ้นด้านบน เพื่อเปิดให้เห็นอวัยวะเพศอีกครั้งหนึ่ง ช่วงที่เอามือลูบเปิดทวารนี้ไก่จะมีความรู้สึกทางเพศ และจะกดหางของมันดันสวนกับมือผู้รีดแล้วมันจะผ่อนคลายแรงกดลงขณะที่มือเรา ลูบผ่านทวารของมัน จังหวะนี้อวัยวะเพศจะโผล่ออกมามาก ปากทวารจะเปิดกว้างให้เห็นอวัยวะเพศคู่สีชมพูได้ชัดเจน ใช้หัวแม่มือและนิ้วชี้รีดน้ำเชื้อออกมาจากด้านโคนอวัยวะเพศออกมาทางด้านนอก จะเห็นมีน้ำเชื้อสดสีขุ่นขาวไหลออกมาจากนั้น ก็ใช้ภาชนะในมือขวาไปรองน้ำเชื้อเอาไว้ ก่อนที่จะรองน้ำเชื้อให้ดูดีๆ ว่าไม่มีขี้ไก่ไหลออกมาด้วย
2. เมื่อได้น้ำเชื้อมาแล้วให้ทำเจือจางโดยใช้น้ำกลั่นที่ละลายเกลือ แกงบริสุทธิ์ความเข้มข้นของเกลือเท่ากับ 0.75% จำนวน 2-3 เท่า ของน้ำเชื้อ ใช้ปลายไซริ้งที่ใช้ฉีดน้ำเชื้อคนเข้ากันให้ดี แล้วจึงนำไปฉีดเข้าที่ปากทางเข้าท่อนำไข่ของไก่ตัวเมีย ตัวละ 0.01-0.02 ซีซี. หรือว่า 1 ซีซี. ฉีดได้ 50-100 ตัว นั่นเอง สำหรับสารละลายเจือจางน้ำเชื้อ ถ้าไม่ผสมเองก็ซื้อน้ำเกลือที่ใช้ในโรงพยาบาลสำหรับคนป่วยที่มีความเข้มข้น ของเกลือ 0.9% แทนได้ และราคาไม่แพงหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย การฉีดน้ำเชื้อเข้าตัวเมียจะต้องใช้คน 2 คน ขึ้นไปถ้าหากไก่มีมาก โดยคนที่ 1 เป็นคนฉีด ส่วนที่เหลือเป็นคนเปิดก้นไก่ตัวเมีย การเปิดก้นไก่ตัวเมียเพื่อให้เห็นปากทางเข้าท่อนำไข่ ให้ปฏิบัติได้โดยตรงภายในกรงไข่ ไม่จำเป็นต้องอุ้มแม่ไก่ออกมาข้างนอกกรง วิธีการก็โดยการเปิดกรงจับแม่ไก่หันก้นออกมาทางหน้าตรงตับ แล้วใช้มือซ้ายกดกลางหลังแม่ไก่ พร้อมใช้นิ้วมือกดกระตุ้นบริเวณหลังที่มือกดอยู่ แม่ไก่จะหมอบลงกางปีกออกและกระดกหางขึ้น พร้อมนี้ใช้มือขวาสอดเข้าไปในกรงด้านข้างจับที่ก้นไก่ใต้ทวารแล้วกดท้องดัน ไปข้างหน้าเลื่อนมือซ้ายมาช่วยมือขวา คือใช้มือซ้ายเปิดหางแม่ไก่ให้กระดกขึ้นพอมองเห็นทวาร และปากท่อนำไข่ที่แม่ไก่จะดันปากท่อนำไข่โผล่ออกมาให้เห็นอยู่ด้านซ้ายของ ทวารหนัก ที่ปากท่อนี้เป็นที่สอดไซริ้งเข้าไปประมาณ 1-2 นิ้ว ในแนวตรงขนาดกับลำตัง แล้วฉีดน้ำเชื้อเข้าไป
วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ไข่ซีลีเนียม
ไข่ซีลีเนียม คืออะไร?
ไข่ไก่ซีลีเนียมได้รับการเสริมแร่ธาตุซีลีเนียม ผ่านทางอาหารไข่ไก่ในรูปอินทรีย์ (Selenomethionine) ซึ่งมีความปลอดภัยและใช้ประโยชน์ได้สูง การบริโภคไข่ไก่เสริมซีลีเนียมนอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนที่มีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบโปรตีน จากแหล่งอื่นๆแล้ว ไข่ไก่ที่ได้รับการเสริมแร่ธาตุซีลีเนียมยังจะช่วยให้ร่างกายได้รับ ซีลีเนียมในปริมาณที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการอีกด้วย ดังนั้นไข่ไก่ที่ได้รับการเสริมซีลีเนียมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
ตารางแสดงปริมาณซีลีเนียมที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน
ช่วงอายุ
(ปี) ชายและหญิง
(ไมโครกรัม/วัน) สตรีมีครรภ์
(ไมโครกรัม/วัน) สตรีให้นมบุตร
(ไมโครกรัม/วัน)
1-3 20 - -
4-8 30 - -
9-13 40 - -
14-18 55 60 70
19 ขึ้นไป 55 60 70
ตารางแสดงปริมาณซีลีเนียมในไข่ไก่ที่ได้รับการเสริมซีลีเนียม เทียบกับไข่ไก่ธรรมดา
ปริมาณซีลีเนียม ในไข่ขาว
(ไมโครกรัม/ฟอง) ในไข่ขาว
(ไมโครกรัม/ฟอง) รวมทั้งหมด
ไข่ไก่ธรรมดา 7.56 12.20 19.74
ไข่ไก่เสริมซีลีเนียม 10.31 17.44 27.95
โดยผลการตรวจสอบปริมาณซีลีเนียมในไข่ไก่ของ สงวนฟาร์ม โดยห้องปฏิบัติการกลางอาหารและเกษตรแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 26 มีนาคม 2552 พบปริมาณซีลีเนียมทั้งหมด 0.622 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (หรือ ประมาณ 40 ไมโครกรัม/ฟอง)
หน้าที่ของซีลีเนียมที่มีต่อร่างกาย
ช่วยปกป้องผิว ชะลอความแก่ชรา โดยทำงานร่วมกับวิตามินอี และเสริมฤทธิ์ในการทำงานของวิตามินอีในการรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ และชะลอการแก่ตายของเซลล์ธรรมชาติ รักษาความยืดหยุ่นของผิวหนัง
ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น โดยการช่วยนำออกซิเจนไปเลี้ยงให้เพียงพอ
ป้องกันโรคมะเร็ง โดยการรับประทานซีลีเนียมเป็นประจำจะช่วยต้านฤทธิ์มะเร็ง โดยเฉพาะชนิดผิวหนัที่เกิดจากสารเคมีและแสงแดด
ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระของซีลีเนียม จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ภูมิคุ้มกัน
ช่วยต้านพิษในร่างกาย ซีลีเนียมป้องกันกัมมันตภาพรังสี รวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่นปรอท เงิน แคดเมียม เทเลียม ไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และขับถ่ายออกได้เร็วขึ้น
ช่วยในการเจริญพันธุ์ ซีลีเนียมช่วยป้องกันผนังเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงสมบูรณ์ของอสุจิ มีผลทำให้สามารถเข้าไปปฏิสนธิในไข่ของเพศหญิง
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย ให้เป็นไปตามปรกติ ควบคุมสุขภาพของสายตา ผิวหนังและเส้นผม
ไข่ไก่ซีลีเนียมได้รับการเสริมแร่ธาตุซีลีเนียม ผ่านทางอาหารไข่ไก่ในรูปอินทรีย์ (Selenomethionine) ซึ่งมีความปลอดภัยและใช้ประโยชน์ได้สูง การบริโภคไข่ไก่เสริมซีลีเนียมนอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนที่มีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบโปรตีน จากแหล่งอื่นๆแล้ว ไข่ไก่ที่ได้รับการเสริมแร่ธาตุซีลีเนียมยังจะช่วยให้ร่างกายได้รับ ซีลีเนียมในปริมาณที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการอีกด้วย ดังนั้นไข่ไก่ที่ได้รับการเสริมซีลีเนียมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
ตารางแสดงปริมาณซีลีเนียมที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน
ช่วงอายุ
(ปี) ชายและหญิง
(ไมโครกรัม/วัน) สตรีมีครรภ์
(ไมโครกรัม/วัน) สตรีให้นมบุตร
(ไมโครกรัม/วัน)
1-3 20 - -
4-8 30 - -
9-13 40 - -
14-18 55 60 70
19 ขึ้นไป 55 60 70
ตารางแสดงปริมาณซีลีเนียมในไข่ไก่ที่ได้รับการเสริมซีลีเนียม เทียบกับไข่ไก่ธรรมดา
ปริมาณซีลีเนียม ในไข่ขาว
(ไมโครกรัม/ฟอง) ในไข่ขาว
(ไมโครกรัม/ฟอง) รวมทั้งหมด
ไข่ไก่ธรรมดา 7.56 12.20 19.74
ไข่ไก่เสริมซีลีเนียม 10.31 17.44 27.95
โดยผลการตรวจสอบปริมาณซีลีเนียมในไข่ไก่ของ สงวนฟาร์ม โดยห้องปฏิบัติการกลางอาหารและเกษตรแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 26 มีนาคม 2552 พบปริมาณซีลีเนียมทั้งหมด 0.622 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (หรือ ประมาณ 40 ไมโครกรัม/ฟอง)
หน้าที่ของซีลีเนียมที่มีต่อร่างกาย
ช่วยปกป้องผิว ชะลอความแก่ชรา โดยทำงานร่วมกับวิตามินอี และเสริมฤทธิ์ในการทำงานของวิตามินอีในการรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ และชะลอการแก่ตายของเซลล์ธรรมชาติ รักษาความยืดหยุ่นของผิวหนัง
ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น โดยการช่วยนำออกซิเจนไปเลี้ยงให้เพียงพอ
ป้องกันโรคมะเร็ง โดยการรับประทานซีลีเนียมเป็นประจำจะช่วยต้านฤทธิ์มะเร็ง โดยเฉพาะชนิดผิวหนัที่เกิดจากสารเคมีและแสงแดด
ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระของซีลีเนียม จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ภูมิคุ้มกัน
ช่วยต้านพิษในร่างกาย ซีลีเนียมป้องกันกัมมันตภาพรังสี รวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่นปรอท เงิน แคดเมียม เทเลียม ไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และขับถ่ายออกได้เร็วขึ้น
ช่วยในการเจริญพันธุ์ ซีลีเนียมช่วยป้องกันผนังเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงสมบูรณ์ของอสุจิ มีผลทำให้สามารถเข้าไปปฏิสนธิในไข่ของเพศหญิง
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย ให้เป็นไปตามปรกติ ควบคุมสุขภาพของสายตา ผิวหนังและเส้นผม
กินไข่
น้อยกว่า 3 ฟองต่อสัปดาห์.....ไม่เพียงพอ
การไม่ทานไข่ไก่อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมองได้นะครับ ไข่ฟองเล็กๆฟองหนึ่งมีปริมาณ วิตามินบี 12 ซึ่งดีต่อร่างกายมากกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนำในแต่ละวันเสียอีก "วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใยประสาทค่ะ" อะเมนด้า เออร์เซลล์ นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ Complete Guide to Healing Foods กล่าว "ถ้าขาดวิตามินบี เส้นใยประสาทอาจถูกทำลายจนฟื้นฟูกลับคืนมาไม่ได้"
นอกจากนี้ไข่ไก่ยังดีต่อสายตาคุณ โดยเมื่อไม่นานมานี้ผลการศึกษาจากอเมริกาที่ตีพิมพ์ในวรสาร Journal of Nutrition ได้ค้นพบว่า การทานไข่ไก่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะการสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะสาร ลูทีน และ ซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารรงควัตถุในตระกูลแคโรทีนอยด์ในไข่แดงจะช่วยบำรุงจอประสาทตานั่นเอง
6 ฟองต่อสัปดาห์.....ปริมาณที่พอดี
ไข่เจียวถือเป็นยาบำรุงร่างกายได้เลยนะครับ เพราะนอกจากไข่ไก่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณ ซีลีเนียม และ วิตามินอี ในไข่ไก่ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณมีหุ่นกลมเป็นไข่อีกด้วย ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียน่าสเตทพบว่า คนที่ทานมื้อเช้าโดยมีไข่เป็นส่วนประกอบ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ทานไข่ไก่ในมื้อเช้าได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์เมื่อบริโภคแคลอรี่ในบริมาณที่เท่ากัน
"โปรตีนในไข่ไก่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มขึ้นอีกถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และยังทำให้คุณลดปริมาณมื้อเที่ยงที่ทานโดยเฉลี่ยได้อีก 164 แคลอรี่" นิคิล ดูแรนดาร์ ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว แต่ถ้าคุณอยากสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะงานวิจัยจากเท็กซัสเอแอนด์เอ็มพบว่า การทานไข่ไก่วันละ 3 ฟองเป็นเวลา 2 วันต่อสัปดาห์จะช่วยให้หนุ่มนักเวตทั้งหลายสร้างกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันได้เป็น 2 เท่าในช่วงเวลา 12 สัปดาห์
แล้วเรื่องคลอเลสเตอรอลที่เล่าลือกันล่ะ "จริงค่ะ ไข่มีคลอเลสเตอรอล" พาเมลา ไดสัน นักโภชนาการแห่งสมาคมโภชนาการประจำสหราชอาณาจักร กล่าว "แต่จัดว่ามีผลน้อยมากต่อการเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณไขมันอิ่มตัวที่คุณรับประทานอยุ่ทุกวัน" นอกจากนี้ผลการวิจัยเมื่อไม่นานนี้ของมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตยังพบว่า การทานไข่ไก่ช่วยลดคลอเลสเตอรอล LDL (ไม่ดี) เพิ่มคลอเรสเตอรอล HDL (ดี) และลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้
การไม่ทานไข่ไก่อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมองได้นะครับ ไข่ฟองเล็กๆฟองหนึ่งมีปริมาณ วิตามินบี 12 ซึ่งดีต่อร่างกายมากกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนำในแต่ละวันเสียอีก "วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใยประสาทค่ะ" อะเมนด้า เออร์เซลล์ นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ Complete Guide to Healing Foods กล่าว "ถ้าขาดวิตามินบี เส้นใยประสาทอาจถูกทำลายจนฟื้นฟูกลับคืนมาไม่ได้"
นอกจากนี้ไข่ไก่ยังดีต่อสายตาคุณ โดยเมื่อไม่นานมานี้ผลการศึกษาจากอเมริกาที่ตีพิมพ์ในวรสาร Journal of Nutrition ได้ค้นพบว่า การทานไข่ไก่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะการสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะสาร ลูทีน และ ซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารรงควัตถุในตระกูลแคโรทีนอยด์ในไข่แดงจะช่วยบำรุงจอประสาทตานั่นเอง
6 ฟองต่อสัปดาห์.....ปริมาณที่พอดี
ไข่เจียวถือเป็นยาบำรุงร่างกายได้เลยนะครับ เพราะนอกจากไข่ไก่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณ ซีลีเนียม และ วิตามินอี ในไข่ไก่ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณมีหุ่นกลมเป็นไข่อีกด้วย ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียน่าสเตทพบว่า คนที่ทานมื้อเช้าโดยมีไข่เป็นส่วนประกอบ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ทานไข่ไก่ในมื้อเช้าได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์เมื่อบริโภคแคลอรี่ในบริมาณที่เท่ากัน
"โปรตีนในไข่ไก่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มขึ้นอีกถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และยังทำให้คุณลดปริมาณมื้อเที่ยงที่ทานโดยเฉลี่ยได้อีก 164 แคลอรี่" นิคิล ดูแรนดาร์ ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว แต่ถ้าคุณอยากสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะงานวิจัยจากเท็กซัสเอแอนด์เอ็มพบว่า การทานไข่ไก่วันละ 3 ฟองเป็นเวลา 2 วันต่อสัปดาห์จะช่วยให้หนุ่มนักเวตทั้งหลายสร้างกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันได้เป็น 2 เท่าในช่วงเวลา 12 สัปดาห์
แล้วเรื่องคลอเลสเตอรอลที่เล่าลือกันล่ะ "จริงค่ะ ไข่มีคลอเลสเตอรอล" พาเมลา ไดสัน นักโภชนาการแห่งสมาคมโภชนาการประจำสหราชอาณาจักร กล่าว "แต่จัดว่ามีผลน้อยมากต่อการเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณไขมันอิ่มตัวที่คุณรับประทานอยุ่ทุกวัน" นอกจากนี้ผลการวิจัยเมื่อไม่นานนี้ของมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตยังพบว่า การทานไข่ไก่ช่วยลดคลอเลสเตอรอล LDL (ไม่ดี) เพิ่มคลอเรสเตอรอล HDL (ดี) และลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้
ไข่ไก่ กับ คลอเลสเตอรอล

คลอเลสเตอรอล คือ อะไร?
คลอเลสเตอรอลเป็นไขมันประเภทหนึ่ง ซึ่งร่างกายนำไปใช้สำหรับสร้าง ผนังเซลล์, ฮอร์โมน, น้ำดี และ วิตามิน ดี โดยคลอเลสเตอรอล แบ่งเป็น 2 รูปแบบด้วยกันคือ
1. คลอเลสเตอรอลจากอาหาร (Dietary Cholesterol)
คลอเรสเตอรอลจากอาหาร พบได้ในอาหารที่มีแหล่งกำเนิดจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์, นม, อาหารทะเล และ ไข่ เมื่อร่างกายได้รับคลอเลสเตอรอลจากอาหาร ร่างกายจะดูดซึมและส่งคลอเลสเตอรอลเข้าไปยังกระแสเลือด ซึ่งจะส่งผ่านไปยังส่วนต่างๆที่ร่างกายต้องการ
2. คลอเลสเตอรอลในเลือด (Blood Cholesterol)
คลอเลสเตอรอลที่พบในกระแสเลือด นั้นมาจากอาหารที่เรารับประทาน หรือเป็นคลอเลสเตอรอลที่ถูกสร้างโดยตับ ซึ่งถ้าเราได้รับคลอเลสเตอรอลจากอาหารร่างกายของเราก็จะสร้างรักษาสมดุลโดย การสั่งให้ตับสร้างคลอเลสเตอรอลในปริมาณที่น้อยลง
คลอเลสเตอรอลในเลือดสูง
ถ้าร่างกายไม่สามารถรักษาสมดุลของปริมาณคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือด จะทำให้ระดับคลอเลสเตอรอลสูงเกินไป เมื่อในกระแสเลือดมีปริมาณคลอเลสเตอรอลที่สูง คลอเลสเตอรอลจะก่อตัวขึ้นบนผนังเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ยากลำบากขึ้น ซึ่งในท้ายที่สุดจะทำให้เส้นเลือดอุดตัน และนำไปสู่ปัญหาโรคหัวใจ
อะไรคือสาเหตุทำให้ระดับคลอเลสเตอรอลสูง?
ทั้งพันธุกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิต ทั้งคู่มีส่วนทำให้ระดับคลอเลสเตอรอลสูง สำหรับการใช้ชีวิตโดยปล่อยให้มีน้ำหนักมากเกินไป และการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ต่างก็เป็นสาตุทำให้ระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้ ในขณะที่หลายคนอาจคิดว่าการได้รับคลอเลสเตอรอลจากอาหารที่มากเกินทำให้ระดับ คลอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มขึ้นนั้น จากการวิจัยล่าสุดพบว่า คลอเลสเตอรอลจากอาหารมีผลเพียงเล็กน้อยต่อระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด
คุณจะจัดการกับคลอเลสเตอรอลอย่างไร?
การจัดการกับคลอเลสเตอรอลที่ดีที่สุด คือเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำ เสมอ สำหรับผู้ที่มีระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดสูง อาจจะต้องรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ
การบริโภคไข่ไก่และคลอเลสเตอรอล
จากผลการวิจัยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาพบว่า การบริโภคไข่ไก่ของบุคคลที่มีสุขภาพดี มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดเพียงเล็กน้อย โดยสำหรับคนส่วนใหญ่ คลอเลสเตอรอลปริมาณ 100 มิลลิกรัมต่อวัน ที่มาจากการบริโภคไข่ไก่ประมาณ 3-4 ฟองต่อสัปดาห์ จะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของคลอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (ชนิดไม่ดี) เพียง 0.05 mmol/L และจะน้อยลงกว่านี้หากร่างกายได้รับไขมันอิ่มตัวน้อยลง
สำหรับบุคคลบางกลุ่มเช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ที่ตอบสนองรุนแรงต่อคลอเลสเตอรอลในอาหาร และ ผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง ควรต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อที่จะแนะนำปริมาณไข่ไก่ที่ควรบริโภคสำหรับบุคคลกลุ่มดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาที่ผ่านมาการบริโภคไข่ไก่ 3-4 ฟองต่อสัปดาห์ ร่วมกับการบริโภคอาหารอย่างสมดุลนั้นไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้นแต่ อย่างใด
เกล็ดน่ารู้เกี่ยวกับไข่
โคลีน...สารต้านสมองเสื่อมในไข่ไก่
ไข่ไก่ อาหารยอดนิยมที่ทุกบ้านต้องมีติดครัว เพราะทำได้หลากหลายเมนู ทั้งต้ม ทอด หรือผัด ไข่ไก่คือขุมทรัพย์ และมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อสุขภาพ
มีงานวิจัยจากต่างประเทศที่ทดลองโดยให้กลุ่มตัวอย่าง 100,000 คน กินไข่ไก่วันละ 1 ฟอง กระทั่งได้ข้อสรุปว่า กลุ่มตัวอย่างที่กินไข่ไก่วันละ 1 ฟองขึ้นไป จะปลอดจากความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ มากกว่าคนที่ไม่กินไข่เลย และไข่ไก่ก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ระดับคอเลส เตอรอล หรือไขมันในเลือดสูง หรือการเกิดหลอดเลือดอุดตันแต่อย่างใด แต่โรคที่ว่านั้นกลับเกิดจากการกินอาหารชนิดอื่นที่มีไขมันอยู่ในระดับสูง อาทิ นม เนย โดยเฉพาะอาหารประเภทผัด-ทอด รวมทั้งการกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู เป็นต้น และการกินเนื้อสัตว์ใหญ่อย่าง หมู แพะ แกะ วัว มากเกินไป นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ การออกแรง-ออกกำลังน้อยเกินไป หรือ แม้แต่คนที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน เหล่านี้ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาวะไขมันในเลือดแย่ลงด้วยเช่นเดียวกัน
โจอัน ลันน์ นักโภชนาการของมูล นิธิโภชนาการอังกฤษ ก็เห็นด้วยกับผลวิจัย นี้ และเขายังระบุอีกว่า ไข่ไก่ฟองเล็ก ๆ นั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เพราะมีสารอาหารมากถึง 13 ชนิด อัดแน่นอยู่ภายใน ไข่แดง ขณะที่อัลบูเมนโปรตีนสำคัญที่ไม่ มีไขมันเจือปนแม้แต่น้อย ซ่อนตัวอยู่ใน ทุกอณูของไข่ขาว และในไข่ยังอุดมไปด้วย วิตามินเอ ที่ช่วยเรื่องการเติบโตและพัฒนา การ วิตามินบี ซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการทำงานของร่างกาย วิตามินอี ช่วยต่อต้านโรคหัวใจและมะเร็งบางประเภท วิตามินดี ที่ทำหน้าที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมเกลือแร่และทำให้กระดูกแข็งแรง และแร่ธาตุ ไอโอดีน ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตไทรอยด์ฮอร์โมน รวมทั้ง ฟอสฟอรัส ที่จำเป็นต่อการ เสริมสร้างกระ ดูกและฟันและที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือ มีงานวิจัยลำดับต่อ ๆ มาอยู่หลายชิ้น ที่มีข้อสรุปซึ่งตรงกันว่า ไข่ไก่ประกอบไปด้วยสารอาหารที่ช่วยเพิ่มคอเลส เตอรอล ชนิดดี หรือ เอชดีแอล ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะ โคลีน (Choline) ที่มีอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง และเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์สมอง นับตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย รวมทั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อ อะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ที่ทำหน้าที่เป็น “สารสื่อนำประสาท” คอยควบคุมความจำและช่วยให้การทำงานของสมองเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอะเซทิล โคลีนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ เนื่องจากพบว่าในสมองของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ จะมีปริมาณของอะเซทิลโคลีนลดลงมากถึงร้อยละ 90
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
สำหรับโรคอัลไซเมอร์นั้น ปัจจุบันมีนักวิจัยได้ศึกษาเพื่อหาวิธีการป้องกันการเกิดโรคนี้ และผลการวิจัยหลาย ๆ ชิ้นระบุว่า ไข่แดงของไข่ไก่ เป็นอาหารที่มีโคลีนอยู่ในปริมาณมากที่สุดชนิดหนึ่ง และการกินไข่ ก็มีผลโดยตรงต่อการเพิ่มประสิทธิภาพความ จำและความสามารถในการเรียนรู้ และยังช่วยชะลอการสูญเสียความทรงจำในผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดการเสื่อมของเซลล์สมอง ความสำคัญเหล่านี้กลายเป็นมูลเหตุให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสารอาหารในปัจจุบัน กำหนดให้โคลีนเป็นสารอาหาร จำเป็นที่คนทุกเพศทุกวัยต้องบริโภค แม้ว่าร่างกายของคนเราจะสามารถผลิตโคลีนได้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงจำเป็นต้องกินเพิ่มขึ้นในปริมาณที่เหมาะสม
ฉะนั้น การจำกัดการกินไข่ไก่เพียงเพราะกังวลว่าจะเกิดโรคต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่ในทางกลับกัน การจำกัดการกินไข่ไก่ต่างหากที่ควรจะต้องกังวล การกินไข่ไก่นอกจากจะไม่ก่อผลเสียต่อร่างกายของคนแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย.
ไข่ไก่ อาหารยอดนิยมที่ทุกบ้านต้องมีติดครัว เพราะทำได้หลากหลายเมนู ทั้งต้ม ทอด หรือผัด ไข่ไก่คือขุมทรัพย์ และมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อสุขภาพ
มีงานวิจัยจากต่างประเทศที่ทดลองโดยให้กลุ่มตัวอย่าง 100,000 คน กินไข่ไก่วันละ 1 ฟอง กระทั่งได้ข้อสรุปว่า กลุ่มตัวอย่างที่กินไข่ไก่วันละ 1 ฟองขึ้นไป จะปลอดจากความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ มากกว่าคนที่ไม่กินไข่เลย และไข่ไก่ก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ระดับคอเลส เตอรอล หรือไขมันในเลือดสูง หรือการเกิดหลอดเลือดอุดตันแต่อย่างใด แต่โรคที่ว่านั้นกลับเกิดจากการกินอาหารชนิดอื่นที่มีไขมันอยู่ในระดับสูง อาทิ นม เนย โดยเฉพาะอาหารประเภทผัด-ทอด รวมทั้งการกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู เป็นต้น และการกินเนื้อสัตว์ใหญ่อย่าง หมู แพะ แกะ วัว มากเกินไป นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ การออกแรง-ออกกำลังน้อยเกินไป หรือ แม้แต่คนที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน เหล่านี้ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาวะไขมันในเลือดแย่ลงด้วยเช่นเดียวกัน
โจอัน ลันน์ นักโภชนาการของมูล นิธิโภชนาการอังกฤษ ก็เห็นด้วยกับผลวิจัย นี้ และเขายังระบุอีกว่า ไข่ไก่ฟองเล็ก ๆ นั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เพราะมีสารอาหารมากถึง 13 ชนิด อัดแน่นอยู่ภายใน ไข่แดง ขณะที่อัลบูเมนโปรตีนสำคัญที่ไม่ มีไขมันเจือปนแม้แต่น้อย ซ่อนตัวอยู่ใน ทุกอณูของไข่ขาว และในไข่ยังอุดมไปด้วย วิตามินเอ ที่ช่วยเรื่องการเติบโตและพัฒนา การ วิตามินบี ซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการทำงานของร่างกาย วิตามินอี ช่วยต่อต้านโรคหัวใจและมะเร็งบางประเภท วิตามินดี ที่ทำหน้าที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมเกลือแร่และทำให้กระดูกแข็งแรง และแร่ธาตุ ไอโอดีน ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตไทรอยด์ฮอร์โมน รวมทั้ง ฟอสฟอรัส ที่จำเป็นต่อการ เสริมสร้างกระ ดูกและฟันและที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือ มีงานวิจัยลำดับต่อ ๆ มาอยู่หลายชิ้น ที่มีข้อสรุปซึ่งตรงกันว่า ไข่ไก่ประกอบไปด้วยสารอาหารที่ช่วยเพิ่มคอเลส เตอรอล ชนิดดี หรือ เอชดีแอล ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะ โคลีน (Choline) ที่มีอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง และเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์สมอง นับตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย รวมทั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อ อะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ที่ทำหน้าที่เป็น “สารสื่อนำประสาท” คอยควบคุมความจำและช่วยให้การทำงานของสมองเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอะเซทิล โคลีนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ เนื่องจากพบว่าในสมองของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ จะมีปริมาณของอะเซทิลโคลีนลดลงมากถึงร้อยละ 90
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
สำหรับโรคอัลไซเมอร์นั้น ปัจจุบันมีนักวิจัยได้ศึกษาเพื่อหาวิธีการป้องกันการเกิดโรคนี้ และผลการวิจัยหลาย ๆ ชิ้นระบุว่า ไข่แดงของไข่ไก่ เป็นอาหารที่มีโคลีนอยู่ในปริมาณมากที่สุดชนิดหนึ่ง และการกินไข่ ก็มีผลโดยตรงต่อการเพิ่มประสิทธิภาพความ จำและความสามารถในการเรียนรู้ และยังช่วยชะลอการสูญเสียความทรงจำในผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดการเสื่อมของเซลล์สมอง ความสำคัญเหล่านี้กลายเป็นมูลเหตุให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสารอาหารในปัจจุบัน กำหนดให้โคลีนเป็นสารอาหาร จำเป็นที่คนทุกเพศทุกวัยต้องบริโภค แม้ว่าร่างกายของคนเราจะสามารถผลิตโคลีนได้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงจำเป็นต้องกินเพิ่มขึ้นในปริมาณที่เหมาะสม
ฉะนั้น การจำกัดการกินไข่ไก่เพียงเพราะกังวลว่าจะเกิดโรคต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่ในทางกลับกัน การจำกัดการกินไข่ไก่ต่างหากที่ควรจะต้องกังวล การกินไข่ไก่นอกจากจะไม่ก่อผลเสียต่อร่างกายของคนแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย.
การเก็บไข่

การเก็บไข่ไว้ในบ้าน มีหลักการดังนี้1. เลือกเก็บเฉพาะไข่ที่ออกใหม่ เปลือกสะอาด เพราะถ้าเปลือกสกปรก อาจทำให้จุลินทรีย์เข้าไปในไข่ได้
2. ไม่ล้างไข่ก่อนถึงเวลาทำอาหาร เพราะจะเป็นการล้างเอาเมือกที่เคลือบรอบเปลือกไข่ออกด้วย ทำให้น้ำระเหยออกจากไข่มากขึ้น
3. เก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำ เก็บไว้ในตู้เย็น
4. เก็บไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิด เก็บในที่สะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น
5. ขณะที่วางไข่บนที่เก็บ ควรวางให้ด้านป้านขึ้น ถ้าหากเอาด้านแหลมขึ้น จะทำให้น้ำหนักของไข่ดันให้โพรงอากาศลอยตัวขึ้นด้านบน ทำให้เยื่อหุ้มไข่ทั้งสองแยกออกจากกัน ไข่แดงซึ่งเบากว่าจะลอยตัวขึ้นข้างบนเช่นเดียวกัน และทำให้ไข่แดงติดเปลือกได้ง่ายขึ้น
สิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อเก็บไข่ไว้นาน
โพรงอากาศในไข่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น มองเห็นได้ชัดโดยใช้วิธีส่องไข่ หากเก็บไข่ไว้ในที่ที่มีความชื้นสูงจะทำให้โพรงอากาศขยายได้ช้าลง การเปลี่ยนแปลงชนิดนี้ทำให้ไข่สูญเสียน้ำไปบ้างเลฏน้อยเท่านั้น ผู้บริโภคไม่ค่อยได้สนใจการเปลี่ยนแปลงทางด้านนี้มากนัก
ไข่แดงใหญ่ขึ้น น้ำในไข่ขาวสามารถเคลื่อนเข้าไปในไข่แดงด้วยแรงดันออสโมซิส เนื่องจากความเข้มข้นของไข่แดงมากกว่าไข่ขาว ทำให้ไข่แดงมีขนาดใหญ่ขึ้น ไม่อยู่ตรงกลางของฟองไข่ มีความหนืดน้อยลง เยื่อหุ้มไข่แดงยืดออกจนขาดง่าย ทำให้ไข่มักแตกเสียก่อน แยกไข่แดงออกจากไข่ขาวยาก ในบางครั้งไข่แดงก็อาจเอียงไปติดเปลือกด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าเก็บไข่ไว้ในอุณหภูมิที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในข้อนี้จะเกอดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไข่ขาวข้นเหลว ในขณะที่เก็บไข่ ไข่ขาวข้นจะกลายเป็นไข่ขาวเหลว เพราะมีการย่อยโปรตีนในไข่ขาวเอง ปริมาณไข่ขาวข้นในไข่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ไก่ด้วย ในปัจจบันจึงมีการผสมพันธุ์ไก่ เพื่อให้ได้ไข่ที่มีปริมาณไข่ขาวข้นสูง
ไข่เป็นด่างมากขึ้น ระหว่างที่เก็บไข่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไข่จะระเหยออก ทำให้ไข่มีฤทธิ์เป็นด่างมากขึ้น ก๊าซนี้เกิดจากขบวนการเมตะโบลิซึมของไข่ และละลายไข่ในรูปของกรดคาร์บอนิก และเกลือไบคาร์บอเนต ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะระเหยออกไปจนในไข่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับอากาศโดยรอบ
วิธีการเลือกไข่

วิธีการเลือกไข่มีดังนี้
ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่พะโล้ และอีกสารพัดกับข้าวเมนูไข่ นับเป็นอาหารง่าย ๆ รสชาติถูกปากยามฉุกเฉินที่ไม่เลว แทบทุกบ้านจึงต้องมีไข่ติดครัวไว้อยู่เสมอ เรามีวิธีการเลือกซื้อให้ได้ไข่ไก่ที่สด และการเก็บรักษามาฝากค่ะ
ดูที่เปลือก - ไข่ไก่ที่สดใหม่จะมีฝุ่นแป้งฉาบอยู่ทั่วเปลือก รู้สึกนวลมือเวลาจับ ซึ่งช่วยอุดรูเล็ก ๆ ของเปลือกไข่ ไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปได้ หากเป็นไข่เก่าเปลือกจะมันลื่น ไม่มีฝุ่นแป้งเหล่านี้ค่ะ
ทดสอบไข่ - เวลาเขย่าจะรู้สึกแน่นไม่มีเสียงเหลว ๆ ของน้ำ เมื่อส่องดูกับแสงแดดจะมีลักษณะโปร่งแสงสีออกแดง ไม่ดำทึบ
ล้างไข่ - หลายคนเมื่อซื้อไข่มาแล้วจะล้างเปลือกไข่เพื่อทำความสะอาดก่อนนำไปเก็บ ซึ่งจะทำให้ฝุ่นแป้งที่เปลือกหลุดออก ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องล้าง ควรเช็ดให้แห้งแล้วทาน้ำมันพืชบาง ๆ ให้ทั่ว จะช่วยไม่ให้ไข่เน่าเสียง่าย
เก็บไข่ - ควรเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ เช่น ในตู้เย็น จะดีที่สุด โดยนำออกจากถุงหรือกล่องพลาสติกเสียก่อน หากพบว่าไข่มีรอยร้าวหรือแตกไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะเชื้อโรคที่เปลือกอาจเข้าไปในไข่ได้ ควรตอกใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทแล้วแช่ตู้เย็นจะทำให้เก็บได้นาน
ส่วนประกอบที่สำคัญของไข่

ส่วนประกอบที่สำคัญของไข่ที่สำคัญ
เปลือกไข่ (egg shell) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของไข่ที่สำคัญ อาจมีสีน้ำตาลหรือสีขาวขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์แม่ไก่ สีไข่ไม่มีผลใดๆต่อคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด เช่น ไข่ไก่พันธุ์เล็กฮอร์นมีเปลือกสีขาว ส่วนไข่ไก่พันธุ์โรดไอร์แลนด์มีเปลือกสีน้ำตาลในเปลือกไข่จะมีคอลลาเจน(collagen) สานเป็นตัวตาข่าย และมีหินปูน(แคลเซียมคาบอเนต) เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เปลือกแข็ง เปลือกไข่จะมีรูขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหมด อาการศและความชื้นสามารถแรกผ่านรูเล็กๆที่อยู่ในไข่ได้ อากาศจำเป็นสำหรับตัวอ่อนหายใจ เมื่อไข่ออกมาใหม่ๆ จะมีเมือกเคลือบที่เปลือกไข่ด้านบน เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศและน้ำผ่านเข้าไปได้ เปลือกไข่ในช่วงแรกๆจึงมีลักษณะเป็นนวล เมื่อเก็บไว้นานๆ เมือกเหล่านี้จะแห้งไป เปลือกไข่จึงมีอากาศถ่ายเทเข้าออกได้มากขึ้น ทำให้ไข่เสียเร็ว
เยื่อหุ้มไข่ มีอยู่ด้วยกัน2ชั้น ชั้นนอกที่ติดเปลือกมีชื่อเรียกว่า shell membrane ชั้นในที่ติดกับไข่ขาวเรียกว่า egg membrane เยื่อชั้นนอกและชั้นในจะชิดกันตลอด แต่แยกกันที่ด้านป้านของไข่ซึ่งมีโพรงอากาศ
โพรงอากาศ (air cell) เป็นช่องว่างที่อยู่บริเวณด้านป้านของไข่ อยู่ระหว่างเยื่อหุ้มชั้นนอกและเยื่อหุ้มชั้นใน เมื่อไข่ออกมาใหม่ๆ อุณหภูมิของไข่ยังสูง จึงไม่มีช่องว่าง ต่อเมื่อเมื่อไข่เย็นลง ของเหลวภายในไช่หดตัว ทำให้เกิดเป็นโพรงอากาศขึ้น และถ้าหากมีน้ำระเหยออกไปมาก ก็จะทำให้โพรงอากาศใหญ่ขึ้นด้วย
ไข่ขาว (albumen)เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของไข่ที่สำคัญ มีทั้งหมด3ชั้น ไข่ขาวชั้นนอกสุดจะค่อนข้างเหลว อยู่ติดกับเยื่อหุ้มไข่ ถัดมาเป็นไข่ขาวข้น มีปริมาณมากกว่าครึ่งของไข่ขาวทั้งหมด ส่วนชั้นในสุดเป็นไข่ขาวอย่างเหลว ในไข่ขาวประกอบด้วยน้ำและโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ มีไขมันบ้างเล็กน้อย ลักษณะที่เป็นเมือกของไข่ขาวข้น เกิดจากคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่โปรตีนในไข่ขาวมีหลายชนิดได้แก่
-โคนัลบูมิน (conalbumin) เป็นโปรตีนที่จับกับแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญคือแร่ธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตัวอ่อนจากการติดเชื้อ แต่กลไกนี้มีบทบาทสำคัญทางด้านโภชนาการ เนื่องจากทำให้ร่างกายคนเรานำเหล็กจากไข่มาใช้ไม่ได้ดี
-โอวัลบูมิน (ovalbumin) เป็นกลุ่มโปรตีนที่จับกับฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต และซัลเฟอร์ ถูกทำลายได้ด้วยความร้อน และมีการเปลี่ยนแปลงสี
-อะวิดิน (avidin) เป็นโปรตีนที่มีปริมาณเล็กน้อยในไข่ขาว แต่มีบทบาทสำคัญทางด้านโภชนาการอีกตัวหนึ่ง ในไข่ขาวดิบอะวิดินสามารถจับกับวิตามินไบโอดิน ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นในการทำงานของเอนไซม์ในร่างกาย ผู้ที่กินไข่ขาวดิบจึงมีโอกาสขาดวิตามินไบโอดิน
- ไลโซไซม์ (lysozyme) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของไข่ที่สำคัญ เโปรตีนในไข่ขาวที่ช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรีย ช่วยป้องกันตัวอ่อน
ไข่แดง (Yolk) ไข่แดงจะอยู่กลางฟองโดยการยืดของเยื่อ ที่เป็นเกลียวแข็ง อยู่ด้านหัวและท้ายของไข่แดง และยื่นเข้าไปในไข่ขาว
ไข่แดงมีความเข้มข้นมากกว่าไข่ขาว เพราะมีน้ำน้อยกว่า มีไขมันและโปรตีนมากกว่า ในไข่แดงบางฟองอาจมีจุดเลือด มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดฝอยในรังไข่ของแม่ไก่แตก ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ทำให้จุดเลือดดังกล่าวกลายเป็นชิ้นเนื้อเล็กๆ ไม่ได้ให้โทษแต่อย่างใด
คุณค่าโภชนาการของไข่

คุณค่าโภชนาการของไข่
ไข่จัดอยู่ในอาหารประเภทโปรตีนประเภทสูง ไข่1ฟองให้โปรตีนประมาณ 7 กรัม โปรตีนในไข่เป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ มีกรดอะมิโนครบทุกชนิดตามที่ร่างกายต้องการในปริมาณสูง ร่างกายสามารถนำโปรตีนจากไข่ไปใช้ได้ทั้งหมดนอกจากไข่จะมีโปรตีนแล้ว ยังมีเกลือแร่ต่างๆที่สำคัญมากมาย เช่น เหล็ก วิตามินดี และบีสอง
ปริมาณสารอาหารในไข่ชนิดต่างๆ(แสดงค่าต่อ 100กรัม)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)